ตุ๊กตุ๊ก-จยย.แฉข้อมูลมือระเบิด สะกิดชี้บอกทางตลอด เสื้อแดงเสื้อขาวรอดตัว

Spread Widely / ข่าวอัพเดทปากต่อปาก @ 21 สิงหาคม 2558 เวลา 10:34 น. | อ่านแล้ว 1,127 ครั้ง
ตุ๊กตุ๊ก-จยย.แฉข้อมูลมือระเบิด สะกิดชี้บอกทางตลอด เสื้อแดงเสื้อขาวรอดตัว
ได้ตัวแล้ว ตุ๊กตุ๊กรับมือระเบิด แฉรับจากหน้าหัวลำโพง ให้มาส่งที่โรงแรมเอราวัณคนร้ายสะกิดชี้นิ้วสั่งเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจนถึงที่หมาย พอได้เงินแล้วขับกลับ ปัดร่วมเอี่ยวบึม ขณะเดียวกันตำรวจได้พยานเป็น จยย.รับจ้าง รับมือบึมไปส่งลุมพินี พาร์ค ยันได้ยินเสียงคุยมือถือเป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยิน ส่วนตำรวจปูพรมหาที่พัก คาดใช้เป็นสถานที่ประกอบระเบิด ด้าน 2 ผู้ต้องสงสัยเสื้อแดงและขาว ที่ยืนข้างมือระเบิดเสื้อเหลือง ประสานตำรวจแล้ว เป็นล่ามภาษาทั้งคู่ พบเหตุบึมศาลพระพรหม และท่าน้ำสาทร คนร้ายจุดระเบิดด้วยสายชนวนหน่วงเวลา เผยช็อตรันทด หนุ่มจีนมารับศพลูกเมีย ร่ำไห้ปิ่มขาดใจหวิดช็อกตายตาม เหตุโรคหัวใจกำเริบ ต้องรีบ หามส่ง รพ. “บิ๊กตู่” ปรามสื่อ อย่าเรียกก่อการร้าย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรียกแขก มอบ “วิษณุ” เป็นประธานจัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต ปีติ 2 ล้นเกล้าชาวไทย พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

จากเหตุวินาศกรรมเขย่ากรุง คนร้ายวางระเบิดศาลพระพรหม โรงแรมเอราวัณ แยกราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนและชาติอื่นกับคนไทยรวม 20 ศพ บาดเจ็บอีก 100 กว่าราย เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. ตกบ่ายวันรุ่งขึ้นยังเกิดเหตุซ้ำ คนร้ายใช้ระเบิดไปป์บอมบ์ โยนจากสะพานสมเด็จ พระเจ้าตากสินใส่โป๊ะท่าเรือสาทร โชคดีระเบิดตกลงน้ำ เลยไม่มีใครได้รับอันตราย ตำรวจเชื่อว่าเหตุระเบิดทั้ง 2 แห่งเกี่ยวพันกัน โดยการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อีโอดีพบว่า ระเบิดทั้ง 2 แห่ง มีลักษณะเหมือนระเบิดที่ใช้ก่อเหตุในตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงได้เร่งหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยคดีวางระเบิดที่ศาลพระพรหม ศาลได้ออกหมายจับคนร้ายตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด เป็นชายสวมเสื้อยืดสีเหลือง เดินแบกเป้สะพายหลังเข้ามาวางไว้ริมรั้วศาล ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ตั้งรางวัลให้ผู้แจ้งเบาะแส 1 ล้านบาท และนายสมหวัง อัสราษี อดีตเลขานุการ รมช.พาณิชย์ 1 ในแกนนำ นปช.ประกาศสมทบให้อีก 2 ล้านบาท รวมเป็นค่าหัวล่ามือระเบิดอำมหิตรายนี้ 3 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เรียกประชุมชุดทำงานแต่เช้า

ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนร้ายมาลงโทษ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสกล มั่นตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายระเบิดศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ และที่โป๊ะน้ำท่าเรือสาทร มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. และแพทย์ รพ.ตร. ร่วมประชุม ใช้เวลา 2 ชั่วโมง

ล่า 3 ผู้ต้องสงสัยตามกล้องวงจรปิด

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ผู้ร่วมก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ ทำเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า 10 คน เชื่อมีการวางแผนสำรวจเส้นทางนานเป็นเดือนก่อนก่อเหตุ มั่นใจมีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะจากการสืบสวน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุทราบเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นอย่างดี แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้เช่นเดียวกัน ว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ในกล้องวงจรปิด เป็นคนไทยหรือต่างชาติ เพราะ จากการสอบพยาน แม้จะให้การยืนยันว่า หนึ่งในสามผู้ต้องสงสัยซึ่งใส่เสื้อสีเหลืองและศาลออกหมายจับแล้ว ไม่ใช้ภาษาไทยสื่อสารกับคนขี่รถ จยย.รับจ้าง ส่วนผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีแดงและใส่เสื้อสีขาวในกล้องวงจรปิด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว และยังระบุไม่ได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด

หวั่นคนร้ายโดนตัดตอน

ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นการก่อเหตุ ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งประเด็นการสร้างสถานการณ์ การก่อการร้าย แต่ยังมั่นใจว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศไทย และยอมรับเป็นห่วงเรื่องถูกตัดตอนความผิด ยังต้องการให้พยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุวันดังกล่าวเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามผู้ก่อเหตุ ส่วนเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์จะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่บริเวณท่าเรือสาทรหรือไม่ เบื้องต้นพบว่าระเบิดมีความคล้ายคลึงกันจะต้องตรวจสอบการจุดชนวนอีกครั้ง

ตรวจซ้ำที่เกิดเหตุเน้นกล้องวงจรปิด

ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ช่วงเช้าได้ลงพื้นที่ตรวจกล้องวงจรปิด บริเวณโรงแรมเอราวัณ เพื่อหาเบาะแสคนร้าย เป็นการตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนเกิดเหตุ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ดาวน์โหลดและเก็บข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด 1 เดือน เพื่อหาข้อมูลของผู้ต้องสงสัย เพราะเชื่อว่ามีคนร้ายผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หลายคน คาดว่าภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมเอราวัณจะชัดเจนกว่ากล้องวงจรปิดจากด้านนอก ขณะเดียวกันยังให้เจ้าหน้าที่ใช้โปรแกรมปรับความละเอียดภาพ เพื่อให้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ให้สามล้อรับคนร้ายมาให้ข้อมูล ตร.

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีชายที่สวมเสื้อสีแดงและชายเสื้อสีขาวซึ่งถือเป็นผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบภาพจากกล้องพิสูจน์ความชัดเจนอีกครั้ง ขณะนี้ยืนยันว่า ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวน และยังไม่มั่นใจว่าคนร้ายเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ แต่ได้ประสานข้อมูลไปยังตำรวจสากล กรณีคนร้ายเดินทางออกนอกประเทศ และได้ร่วมมือกับบางประเทศเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เดินปูพรมลงสำรวจพื้นที่ต้องสงสัยตามแหล่งชุมชนต่างๆ ทั้งนี้ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ขับขี่รถสามล้อรับจ้างที่รับผู้ต้องหาตามภาพสเกตช์มาส่งบริเวณหน้าโรงแรมเอราวัณก่อนเกิดเหตุ มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน เพื่อนำข้อมูลมาประกอบกับการสืบสวนสอบสวนในการติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป

น.เรียกประชุมวางมาตรการป้องกัน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. เรียกประชุม รอง ผบก. ผกก. รอง ผกก. ในสังกัดบช.น.ทั้งหมด เพื่อมอบนโยบายดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ป้องกันเหตุระเบิด หลังจากเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องที่ศาลพระพรหม ย่านราชประสงค์ และปาระเบิดใส่บริเวณท่าน้ำสาทร โดย พล.ต.ต.ชาญเทพกล่าวว่า เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยมาประชุมสั่งการเรื่องมาตรการป้องกันเหตุระเบิดไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในพื้นที่นครบาล โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากพักอาศัย พร้อมทั้งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบพื้นที่ทุกแห่งอย่างละเอียดหาจุดเสี่ยงและดำเนินการมาตรการป้องกันเหตุตั้งแต่วันนี้

บึมสาทร ยังไม่รู้คนร้ายใช้รถอะไร

พล.ต.ต.ชาญเทพเปิดเผยว่า ระเบิดที่ท่าน้ำสาทรน่าจะเป็นระเบิดประเภทไปป์บอมบ์ แต่จะเป็นชนิดเดียวกับที่ย่านราชประสงค์หรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้ จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่นั้น ยังไม่สรุปต้องรอเจ้าหน้าที่อีโอดี และกองพิสูจน์หลักฐานกลางตรวจพิสูจน์เกี่ยวกับการประกอบระเบิดถึงจะสรุป คดีระเบิดที่สาทรขณะนี้ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าคนร้ายใช้พาหนะอะไร อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้ละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งมีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมาดูลาดเลาก่อนล่วงหน้า ตอนนี้ก็ยังระบุไม่ได้ว่าระเบิดเกิดจากคนร้ายโยนระเบิดลงมาหรือไม่

ตอบไม่ได้คนร้ายยังอยู่ในไทยหรือไม่

ถามว่า คนร้ายก่อเหตุระเบิดที่ย่านราชประสงค์ยังอยู่ในประเทศหรือไม่ พล.ต.ต.ชาญเทพตอบว่า ยังตอบไม่ได้เนื่องจาก ตม.รายงานมาว่ายังไม่พบกลุ่มผู้ต้องสงสัย และมีการนำผู้ต้องสงสัยมาตรวจสอบแล้ว ก็ยังไม่ใช่ผู้ต้องหามือวางระเบิด เมื่อถามถึงชายผู้สงสัย 2 คน ใส่เสื้อแดงและเสื้อขาวอยู่ใกล้กับมือวางระเบิดที่ศาลพระพรหม พล.ต.ต.ชาญเทพตอบว่า คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นทิ้ง ทั้งนี้ พล.ต.ต.ชาญเทพ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้รถตุ๊กตุ๊กที่รับผู้โดยสารเป็นมือวางระเบิดมาส่งที่บริเวณราชประสงค์นั้น จากการตรวจสอบทราบทะเบียนรถแล้ว คาดว่าวันนี้น่าจะเชิญตัวมาสอบปากคำได้

เสื้อแดงเสื้อขาวไม่น่าเกี่ยวบึม

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวตามที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพช่วงเวลาเกิดเหตุบริเวณศาลพระพรหม เห็นคนร้ายสวมเสื้อสีเหลืองด้านหน้าสกรีนรูปหมวกแก๊ปสะพายเป้เดินเข้ามาที่ริมรั้ว โดยมีชายสวมเสื้อสีแดงบานเย็นลุกขึ้นยืนคู่กับชายอีกคนที่ใส่เสื้อขาวแล้วเดินออกไป ลักษณะคล้ายกับจะกันที่นั่งให้กับชายเสื้อเหลืองมานั่งแทน โดยพฤติกรรมที่ว่านั้น มีการตั้งสมมติฐานว่าชายทั้ง 2 คน น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับมือระเบิด ล่าสุดมีรายงานว่า ชุดสืบสวน บช.น.ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุทั้งหมดย้อนดูใหม่อีกครั้ง พบว่าชายใส่เสื้อแดงและชายใส่เสื้อสีขาวเดินคู่กันไปออกจากบริเวณศาลพระพรหม ข้ามถนนพระราม 1 เดินมุ่งหน้าไปทางประตูน้ำ พอถึงหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ก็เกิดระเบิดขึ้น ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพชายทั้งคู่ไว้ได้ขณะตกใจได้ยินเสียงระเบิดแล้วกระโดดหลบ โดยทั้งคู่มีท่าทางอากัปกิริยาคล้ายสาวประเภทสองอย่างเห็นได้ชัด ชุดสืบสวนวิเคราะห์ว่าทั้งคู่ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะถ้าร่วมก่อเหตุวางระเบิดไม่น่าจะตกใจขนาดนั้น

ได้ตัวตุ๊กตุ๊กรับมือบึมแล้ว

มีรายงานด้วยว่าชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบต้นทางของคนร้ายมือวางระเบิดที่โดยสารรถสามล้อเครื่องมาลงที่เกิดเหตุ โดยพบว่า มีกล้องวงจรปิดบริเวณย่านถนนบรรทัดทอง บันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ ตอนเวลา 17.55.28 น. วันที่ 17 ส.ค. เห็นคนร้ายนั่งอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก ทะเบียน สก 1824 ผ่านบริเวณปากซอยจุฬาลงกรณ์ 9 จากการไล่ดูกล้องวงจรปิดต่อเนื่อง เวลา 17.56.14 น. เลี้ยวซ้ายถนนพระราม 4 (ขาเข้า) เวลา 17.56.29 น. รถสามล้อเครื่องวิ่งไปทางถนนพระราม 4 จนถึงแยกสามย่าน และแยกอังรีดูนังต์ เวลา 18.20.44 น. รถสามล้อเครื่องเลี้ยวซ้ายที่แยกศาลาแดง มุ่งหน้าเข้าถนนราชดำริ ผ่านสามแยกถนนสารสิน มุ่งหน้าสี่แยกราชประสงค์ จากนั้นคนขับสามล้อเครื่องเลี้ยวกลับรถตรงจุดกลับรถก่อนถึงสี่แยกราชประสงค์ ชุดสืบสวนคาดว่า คนร้ายน่าจะมีแหล่งที่พักอยู่ย่านปทุมวัน มีรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวนได้ติดตามโชเฟอร์รถสามล้อเครื่องคันนี้ได้แล้ว อยู่ระหว่างพาตัวมาสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสคนร้าย

ปูพรมปทุมวันหาข้อมูลคนร้าย

มีรายงานว่า บช.น. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนบก.สส.บช.น. กก.สส.บก.น.6 และฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ปูพรมตรวจสอบแหล่งที่พักอาศัย เช่น อพาร์ตเมนต์ ห้องเช่ารายวัน เกสต์เฮาส์ โรงแรม เพื่อตรวจหาสถานที่พักของกลุ่มคนร้ายซึ่งอาจจะใช้เป็นที่กบดาน และประกอบระเบิด นอกจากนี้ยังกระจายกำลังหาร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ร้านที่มีช่างเหล็ก ในเขตปทุมวันและใกล้เคียง เพื่อหาข้อมูลว่ามีผู้ต้องสงสัยเข้าไปซื้ออุปกรณ์ อาทิ ท่อเหล็ก ลูกปืนรถ เพื่อนำไปใช้เป็นวัสดุประกอบทำระเบิดหรือไม่ โดยชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาข้อมูลเบาะแสคนร้ายเพิ่มดังกล่าว

โชเฟอร์ตุ๊กๆบอกรับมาจากหัวลำโพง

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินท–จินดา ผบก.สส.บช.น. เชิญตัว นายสุชาติ ปั้นงาม อายุ 37 ปี โชเฟอร์รถสามล้อ ทะเบียน สก 1824 กรุงเทพมหานคร คันที่ปรากฏในภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะรับส่งผู้ต้องหาที่ได้ออกหมายจับตามภาพถ่ายต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยเชิญตัวมาจากบริเวณร้านซ่อมรถแห่งหนึ่งในซอยวัดดวงแข เบื้องต้นนายสุชาติยืนยันว่า ได้รับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับจริง โดยรับมาจากหน้าหัวลำโพง คนร้าย ชี้ให้ดูจุดหมายโรงแรมเอราวัณในแผนที่ เมื่อขึ้นรถแล้ว ได้เลี้ยวซ้ายไปทางซอยวัดดวงแข ไปตึกแถวของจุฬาฯฝั่งสามย่าน ระหว่างทางได้ให้ตนดูแผนที่ และใช้วิธีสะกิดชี้นิ้วให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา อย่างคนรู้ทางจนไปถึงที่หมาย เมื่อตนรับค่าจ้าง 150 บาท ได้ขับรถออกไปทันที ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการก่อเหตุดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกับนำรถสามล้อที่ขับขี่มาที่ บช.น.ตรวจสอบ

เสื้อแดงเสื้อขาวขอเข้าพบ ตร.

ส่วนประเด็นผู้ต้องสงสัยอีก 2 ราย เป็นชายสวมใส่เสื้อสีแดง และสวมใส่เสื้อสีขาว ยืนอยู่หน้าผู้ ต้องหาที่ถูกออกหมายจับตามภาพนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนได้รับการประสานว่า จะมาขอเข้าพบที่กองบังคับการศูนย์สืบสวน บช.น. โดยยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนกัน ประกอบอาชีพเป็นล่ามภาษาเท่านั้น

จุดระเบิดด้วยสายชนวนหน่วงเวลา

รายงานข่าวแจ้งว่า ระเบิดที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ตำรวจได้ตรวจสอบจากพยานวัตถุในที่เกิดเหตุทั้งแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดจุดชนวนด้วยสายชนวนที่หน่วงเวลาโดยใช้ความร้อน สายชนิดนี้จะทนต่อน้ำ ไม่ดับง่ายๆ ชุดทำงานเชื่อว่าบุคคลที่ประกอบขึ้นเป็นมืออาชีพมีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ ผู้ก่อการร้ายชาวตะวันออก กลางมักใช้นำมาก่อเหตุ ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบระเบิด สามารถหาได้ในประเทศไทย ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่ออีกว่า คนร้ายมีคนไทยสนับสนุนในการจัดหาวัตถุดิบ ตลอดจนคนที่นำระเบิดมาวางนั้นต้องมีความรู้เรื่องระเบิดพอสมควร เนื่องจากต้องคำนวณ ระยะเวลาเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายได้นำระเบิดขนาด 5 ปอนด์ ใช้สายชนวนแบบจุดใส่กระเป๋าเป้ แล้วนำมาวางไว้ หลังจากก่อเหตุรีบหลบหนีออกมาด้วยความรวดเร็วเนื่องจากทุกวินาทีสายชนวนกำลังทำงานอยู่ก่อนเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น

จำลองเหตุปาบึมท่าเรือสาทร

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สะพานตากสิน ชุดสืบสวน สน.ยานนาวา เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดลงมาในน้ำใกล้กับท่าเรือสาทร โดยนำอิฐตัวหนอนมาจำลองเป็นวัตถุระเบิด ซึ่งได้โยนลงมาจากสะพานตากสินทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก จำลองเหตุการณ์หามุมที่คาดว่าคนร้ายจะลอบปาระเบิด โดยเมื่อจำลองการปาระเบิดของคนร้ายเสร็จสิ้น ได้เดินทางกลับโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดนักข่าวแต่อย่างใด

ตม.เพิ่มความเข้มทุกสนามบิน

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัตน์ ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำภาพสเกตช์ที่ได้มาตรวจสอบเทียบกับใบหน้าบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกประเทศผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงสั่งการให้ด่าน ตม.ตามท่าอากาศยานต่างๆ สังกัด บก.ตม.2 ทั้ง ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่ ปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งประสานไปยังสายการบิน และฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานต่างๆให้เฝ้าระวัง หากพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะคล้ายกับภาพสเกตช์ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางฝ่ายสืบสวนได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด สแกนตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายมาโดยตลอดแต่ยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศผ่านทางสนามบิน

ไม่พบผู้ต้องสงสัยออกนอก ปท.

พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม. กล่าวว่า ผบช.สตม.มีหนังสือด่วนกำชับ ด่านตรวจสนามบินนานาชาติ ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกแห่งให้เพิ่มความเข้มการเดินทางเข้า-ออก และบุคคลที่เป็นข่าวว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางระเบิด แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจาก ตม.สนามบิน การตรวจสอบคนเดินทางเข้าออกต้องใช้ตรวจสอบรายชื่อและเลขหนังสือเดินทาง ส่วนรูปถ่ายต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เมื่อถามว่า มีข้อมูลผู้ต้องสงสัยออกประเทศไปหรือยัง พล.ต.ต.วราวุธกล่าวว่า ยังรอผลตรวจสอบของ ตม.สนามบิน และด่าน ตม.ทั่วประเทศ ยังไม่แจ้งข้อมูลเข้ามา

ตม.นราธิวาส ประสานมาเลเซียช่วย

พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม ผกก.ตม.นราธิวาส สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 3 แห่งของ จ.นราธิวาส คือด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโก-ลก ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจบุคคลที่มีความประสงค์จะเดินทางออกนอกประเทศ โดยเฉพาะบุคคลที่มีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อป้องกันการหลบหนีไปยังประเทศข้างเคียงผ่านพรมแดน จ.นราธิวาส นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ให้ช่วยตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยตามภาพสเกตช์ด้วย

ขอ ตร.เขมร ช่วยเป็นหูเป็นตา

ที่ จ.สระแก้ว พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จ.สระแก้ว สั่งการให้ พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.จ.สระแก้ว ร่วมกับ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201 ฉก.กรม.ทพ.1 กกล. บูรพา และ พ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.ป.สภ.คลองลึก นำสำเนาหมายจับ และภาพสเกตช์มือวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ ประสาน พ.ต.ท.ตึ๊บ ยาดี รองหัวหน้าด่าน ตม.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ให้ช่วยติดตามสืบหา และสกัดจับคนร้าย โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติที่เชื่อมต่อ จ.สระแก้ว ที่มีระยะทางยาว 165 กม. ที่คนร้ายอาจใช้ช่องทางหนีออกไปฝั่งกัมพูชา โดย พ.ต.ท.ตึ๊บ รับปากหากพบคนร้ายจะจับกุมส่งรัฐบาลไทยทันที นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำภาพสเกตช์คนร้ายไปติดตามจุดตรวจชายแดน โรงแรม รีสอร์ต และเกสต์เฮาส์ และประสานผู้นำชุมชนช่วยเป็นหูเป็นตาสกัดจับคนร้ายด้วย

ยอดตาย 20 ไทย 6 เทศ 14

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ต.วิฑูรย์ นิติวรางกูร รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.ธนา ธุระเจน โฆษก รพ.ตำรวจ และ พ.ต.อ.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานนิติพยาธิ นต. รพ.ตำรวจ ร่วมกันแถลงสรุปยอดผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ โดย พล.ต.อ.ชัยยงกล่าวว่า เหตุดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บประมาณ 130 ราย อยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 67 ราย ใน 67 ราย มีอาการสาหัสที่ต้องรักษาตัวในห้อง ICU 6 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตเป็นชาวไทย 6 ราย ชาวต่างชาติ 14 ราย ประกอบด้วยด้วยชาวจีน 5 ราย มาเลเซีย 5 ราย ฮ่องกง 2 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย และสิงคโปร์ 1 ราย

เปิดเว็บไซต์ตรวจสอบข้อมูล

พล.ต.อ.ชัยยงกล่าวต่อว่า นอกจากนี้โรงพยาบาลตำรวจได้จัดทำเว็บไซต์ชื่อ www.rps.pgs.go.th เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจสอบข้อมูลรายชื่อผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวมี 3 ภาษา คือ ไทย จีน และอังกฤษ อย่างไรก็ตามสำหรับการเยียวยาผู้เสียชีวิตนั้น กรมคุ้มครองสิทธิฯ กระทรวงยุติธรรม มอบเงินช่วยเหลือรายละ 1 แสนบาท กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายละ 3 แสนบาท และยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มอบเงินช่วยเหลือรายละ 90,000 บาท รวมถึงทางรัฐบาลและบริษัท การบินไทย ยังช่วยเหลือค่าขนส่งร่างผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวต่างชาติกลับภูมิลำเนาอีกด้วย

มีสะเก็ดลูกบอลเหล็กฝังทุกศพ

พ.ต.อ.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นายแพทย์ (สบ 5) กลุ่มงานนิติพยาธิ นต.รพ.ตำรวจ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสภาพศพส่วนใหญ่พบว่า อานุภาพของระเบิดมีความรุนแรงสูง มีสะเก็ดของลูกบอลเหล็กติดตามร่างกายผู้เสียชีวิตทุกราย ในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 20 ราย อยู่ รพ.ตำรวจ 17 ราย รพ.จุฬาฯ 3 ราย มีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลครบทั้งหมดแล้ว เบื้องต้น ญาติผู้เสียชีวิตติดต่อรับศพทั้งหมดแล้ว ส่วนชิ้นเนื้อที่ตรวจพบดีเอ็นเอพบเป็นบุคคล 2 บุคคล เป็นสัญชาติจีน 1 ราย และสัญชาติมาเลเซียอีก 1 ราย เหลือเพียงแค่ดำเนินการเอกสารการออกใบมรณบัตร ก่อนประสานสถานทูตเพื่อดำเนินการส่งศพกลับประเทศของผู้เสียชีวิต

รับศพลูกเมีย หนุ่มจีนหวิดช็อก

ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ การเดินทางมารับศพผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ ยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และความวุ่นวาย เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายจีน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองการต่างประเทศมาอำนวยความสะดวกร่วมกับอาสาสมัครชมรมมัคคุเทศก์จีนกลางแห่งประเทศไทย โดยปัญหาที่พบส่วนใหญ่ อยู่ที่ขั้นตอนการจัดส่งเอกสารเกี่ยวกับตัวผู้ตายที่ต้องประสานกับสถานทูตประเทศต่างๆ ทำให้ช่วงครึ่งวันเช้ายังไม่มีญาติสามารถรับศพออกไปได้แม้แต่รายเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.00 น. นายเกา หยัน ปิง อายุ 50 ปี ชาวจีน เดินทางมารับศพ นางหวง ยู่ หลาน อายุ 50 ปี ภรรยาชาวจีน และ ด.ญ.เกา ยู่ฟู่ ลูกสาว ขณะเดินออกจากห้องประกอบพิธีศพ นายเกา หยัน ปิง ถึงกับร่ำไห้เสียใจ จนโรคหัวใจและความดันกำเริบแพทย์ต้องรีบนำตัวส่ง รพ. ตร.รักษาตัวเป็นการด่วน

“จูดี้” อำนวยความสะดวกญาติคนตาย

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญรอง ผบ.ตร. เดินทางมาอำนวยความสะดวกในการรับศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดราชประสงค์ รวม 3 ศพ 1.น.ส.ลิม ซู ซี อายุ 52 ปี ชาวมาเลเซีย 2.น.ส.แปง วัน ชี อาคาเดีย อายุ 24 ปี ชาวฮ่องกง และ น.ส.ชาน วิงหยัน วิเวียน อายุ 19 ปี ชาวฮ่องกง ถือหนังสือเดินทางอังกฤษ นัก ศึกษากฎหมายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ

พร้อมช่วยหากจะเผาในไทย

พล.ต.อ.พงศพัศเปิดเผยว่า กระบวนการมอบศพให้กับญาติของผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยวันนี้มีการรับศพชาวฮ่องกง 2 ศพ ชาวมาเลเซีย 1 ศพ และชาวจีน 1 ศพ ยังเหลือศพชาวจีน ที่นิติเวชฯ รพ.ตร. อีก 3 ศพ และ 1 ชิ้นส่วน ญาติจะเดินทางมารับศพในวันที่ 21 ส.ค. โดยนายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. แสดงความเสียใจ สั่งการมาให้ดำเนินการเต็มที่เพื่อให้ญาติมีความพอใจ หากญาติไม่ได้รับความสะดวกสามารถประสานมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และหากญาติของคนจีนที่รับศพในวันที่ 21 ส.ค. มีความประสงค์ที่จะทำพิธีเผาที่ประเทศไทย ยินดีที่จะช่วยเหลือหากมีการร้องขอ ส่วนสำหรับวันนี้ที่มีการรับศพ ชาวฮ่องกง และมาเลเซีย มีการมอบเงินให้กับญาติร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม พร้อมอำนวยความสะดวกจัดรถตำรวจ นำขบวนทั้ง 3 ศพ ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อกลับประเทศต่อไป

ตั้งชุดทำงานส่งศพชาวจีนกลับ ปท.

นายขจร วีระใจ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายจู เว่ย ตง กงสุลใหญ่ สถานอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และสถานทูตจีนประจำประเทศไทย เตรียมจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับญาตินักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการนำศพผู้เสียชีวิตกลับประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือด้านงบประมาณให้กับญาติที่ประสงค์จะจัดพิธีฌาปนกิจศพที่ประเทศ ไทย อย่างไรก็ตาม ญาตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาประสานเรื่องต่างๆจากกรณีระเบิด รู้สึกประทับใจมากที่ทางการไทย รวมถึงภาคเอกชน โดยเฉพาะสมาคมโรงแรมไทย อำนวยความสะดวกเรื่องห้องพักให้กับญาติได้พักฟรีระหว่างดำเนินการธุระเป็นผลดีในทางจิตวิทยาได้มาก

ญาติชาวจีนครวญเงินช่วยเหลือน้อย

นายขจรกล่าวต่อว่า ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวนักท่องเที่ยวผู้เสียชีวิตไปแล้ว 7 ราย เป็นชาวมาเลเซีย 4 ราย ฮ่องกง 2 ราย และสิงคโปร์อีก 1 ราย เป็นเงินกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของกระทรวง รายละ 300,000 บาท รวม 2.1 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินสมทบของสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ ที่ตั้งใจช่วยเหลือญาตินักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตอีกรายละ 300,000 บาท เงินจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ รายละ 100,000 บาท รวมเป็นเงินที่ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงินรายละ 700,000 บาท ญาติผู้เสียชีวิตได้บอกผ่านสถานทูตจีนว่า เป็นจำนวนเงินที่อาจน้อยไป ตนจะไปหารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาว่า จะให้เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์พิเศษ เพิ่มวงเงินช่วยเหลือ ส่วนจะเป็นเท่าใดต้องคุยกันก่อน แล้วเสนอให้รัฐบาลพิจารณา อย่างไรก็ตาม มีญาติบางรายต้องการทำพิธีทางศาสนาให้เรียบร้อยที่เมืองไทย กระทรวงก็ยืนยันพร้อมช่วยประสานงานเรื่องวัด หรือสถานที่ตามหลักของศาสนานั้นๆ เช่นเดียวกับญาติที่เข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็พร้อมร่วมมือกับสถานทูตประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยประสานเรื่องต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกฯวอนอย่าขยายความก่อการร้าย

ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านผู้นำประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตอนหนึ่งว่า “เอาใจช่วยขอให้จับคนร้ายได้ จะได้รู้สักทีว่าเป็นใคร ถ้าเป็นเรื่องของต่างประเทศก็อย่าไปขยายความขัดแย้ง เพราะเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใครในโลกใบนี้ ไม่ได้ทะเลาะกับใคร ทะเลาะกันเอง แต่การทะเลาะกันเองก็ไม่น่ารุนแรงขนาดนี้หรือเปล่า หรือมีใครที่ทำให้มันแรงขึ้น เอาคนมาร่วมด้วยช่วยกัน ผมยังไม่รู้เหมือนกันยังไม่ลงความเห็น ผมอยากจะฝากอย่างหนึ่งคำหนึ่งที่อยากให้จดจำไว้ และนำไปปฏิบัติเราจะต้องเจริญเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน เพราะที่นี่คือประเทศของเรา บ้านของเรา เราจะเติบโตไปด้วยกัน “our home our country stronger together”

ในหลวงพระราชทานเงินเยียวยาเพิ่ม

ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาเหยื่อระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จะมีการจ่ายเงินจากกระทรวงยุติธรรม กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา 1 แสนบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินเยียวยาด้วย โดยรับสั่งผ่านราชเลขาธิการให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ และพระราชทานเงินให้คนไทยที่ได้รับผลกระทบอีกรายละ 9 หมื่นบาท เนื่องจากพระองค์ท่านทรงเป็นห่วงว่าเงินเยียวยาอาจจะไม่เพียงพอ ขณะที่ชาวต่างชาติมีกฎหมายดูแลอยู่ โดยเสียชีวิตจ่ายให้ 1 แสนบาทเหมือนกัน รัฐบาลได้ตั้งกองทุนไว้ให้นักท่องเที่ยวขณะที่บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติเนื่องจากบางบริษัทไม่รับทำประกันภัย เมื่อมีกองทุนนี้ต่างชาติก็เข้ามาจำนวนมาก แต่ตนไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องลักษณะนี้ขึ้นจากคนใจร้ายไม่ใช่คน รัฐบาลไม่อยากใช้เงินกองทุนนี้แต่ก็ต้องใช้ โดยจะจ่ายให้ชาวต่างชาติรายละ 3 แสนบาท

“ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลทั้งหมด นอกจากนี้สำนักราชเลขาธิการยังแจ้งด้วยว่าพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานดอกไม้แสดงความเสียใจ และให้เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศดำเนินการมอบให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต เป็นน้ำพระทัยที่พระองค์ทรงมีกับประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนไทย รวมทั้งชาวต่างชาติ ที่พระองค์ทรงเป็นห่วง ดังนั้นสิ่งดีๆก็ให้ระลึกถึงพระองค์ท่านบ้าง และอย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหาย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

มอบวิษณุ ทำบุญ 5 ศาสนารำลึกผู้ตาย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในเวลา 07.00 น.วันที่ 21 ส.ค.นี้ ได้มอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปร่วมงานพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน เสริมสร้างมงคลเมือง ทำบุญรำลึกแก่ผู้เสียชีวิต 5 ศาสนา ในเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่ กทม.จัดขึ้น โดยหวังให้เรียกขวัญและกำลังใจประชาชนกลับมา โดยให้จัดเตรียมสถานที่ให้มีความปลอดภัย ก่อนหน้ามีหลายกลุ่ม ทั้งฝ่ายการเมือง ขอจัดงานรำลึก บอกไปว่าขอให้จัดร่วมกันทีเดียว ดังนั้น จึงขอเชิญชวนเพราะจะให้ฝ่ายใดจัดเป็นพิเศษจะไม่สะดวก อาจจะติดปัญหาด้านการจราจร ไม่อยากให้มีปัญหาเป็นภาระตามมา จึงขอโทษที่ให้คนอื่นจัดงานไม่ได้

ปรามสื่ออย่าเรียกแขก

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวคนร้ายวางระเบิดว่า กำลังดำเนินการอยู่ และไม่อยากให้เรียกว่า ผู้ก่อการร้าย เพราะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่เรียกผู้ก่อการร้ายเลย จะไปเรียกแขกหรืออย่างไร ต้องดูอีกทีว่าเป็นพวกไหน หนึ่งเป็นพวกการเมืองหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบ ต้องรอก่อนแล้วจะมีความคืบหน้า หากพูดกันมากเกินไปจะจับใครไม่ได้สักที

โวยชาติอื่นส่งอุยกูร์กลับจีนไม่มีเรื่อง

เมื่อถามว่า สื่อต่างชาติมุ่งประเด็นสาเหตุไปที่ปัญหาอุยกูร์ที่ไทยส่งไปให้ทางการจีน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าหน้าผู้ต้องสงสัยจะเหมือนฝรั่งแล้วจะเป็นอุยกูร์ แต่อาจจะเป็นฝรั่งที่ร่วมมือกับคนไทยก็ได้ ทำไมไม่คิดแบบนั้นบ้าง ตนยังไม่มองไปทางหนึ่งทางใด ดังนั้นอย่าเพิ่งไปมองว่าใช่หรือไม่ใช่ ถามว่าถ้าเป็นเรื่องอุยกูร์ การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างที่เราทำ รัฐบาลอื่นเขาทำหรือไม่ เขาทำกันทั้งโลก เพราะหลายประเทศเขาก็ไม่รับผู้อพยพ ที่เราทำถือว่าดีที่สุดแล้ว บางประเทศจะส่งชาวอุยกูร์กลับจีนหมดเลยแต่ก็ไม่เห็นมีเรื่อง

อุบไต๋เป็นไปได้หลายประเด็น

เมื่อถามอีกว่า จะมีการขอหลักฐานจากสื่อต่างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “เขาพูดมาแล้วมีคณะกรรมการสิทธิของอุยกูร์อยู่ มีการแถลงไปแล้วว่าไม่ควรจะทำอย่างนั้น หนังสือพิมพ์เขียนเอง แต่เป็นไปได้หลายประเด็น หนึ่งการเมือง สองอย่างที่สื่อว่า สามก็คือสุดโต่งอะไรอย่างนั้น เป็นไปได้ทั้งหมด แต่สองอย่างนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่อยากพูดในตอนนี้ เพราะมันอันตรายต่ออาเซียนด้วย เราต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่ใช่มันจะไม่เกิดจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องการเมืองก็ไม่ได้ตัดทิ้ง คิดได้หลายอย่าง ไอ้นี่ก็เป็นฝรั่ง ระเบิดก็อีกแบบบ้าง เหมือนใต้เหมือนอะไรบ้าง ถ้าทางด้านการเมืองมีเว็บไซต์อะไรออกมาต่อๆกัน มีการบอกจะปิดโรงเรียน สถาบันการเงิน ใครทำ พวกที่สื่อเอ่ยชื่อมามันทำหรือเปล่า ตอนนี้กำลังสอบอยู่ เขาคิดทุกอย่าง แต่ยิ่งพูดมากคนร้ายจะยิ่งหนีไปไกลอีก เงียบๆเสียบ้าง

ของขึ้นสื่อถามโยงไอเอส-ภาคใต้

ต่อข้อถามว่า ที่นายกฯ บอกว่าสุดโต่งนั้นหมายถึงสุดโต่งไอเอสหรือสุดโต่งในภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสวนกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “เธอก็รู้อยู่แล้ว เธอจะมาถามฉันทำไม ให้ฉันเอ่ยชื่อออกมาใช่ไหมล่ะ เคยตัว ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วฉันจะโทษเธอนะจะบอกให้” เมื่อผู้สื่อข่าวแย้งว่า ไม่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบตัดบททันทีว่า “ไม่ต้องมาไม่ ฉันพูดมาหลายทีแล้ว ไอ้สุดโต่งนักข่าวสุดโต่งนั่นมันเธอ”

“บิ๊กป้อม” ยังไม่ปักใจก่อการร้าย

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุครบ 3 วัน ยังไม่มีใครออกมารับว่าเป็นคนทำ เราจะไปพูดเป็นเรื่องการก่อการร้ายไม่ได้ ยังไม่ปักใจเป็นเรื่องใดทั้งนั้น ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง สอบสวนไปเรื่อยๆและไม่ได้ชี้ว่าเป็นการเมือง แต่บอกได้ว่าต่อต้านรัฐบาลและ คสช. ดังนั้นต้องติดตามบุคคลในภาพให้ได้ ขณะที่ผลสอบมีความคืบหน้าไปมาก เท่าที่ได้รับรายงานจากตำรวจระเบิดที่ราชประสงค์และที่สาทร เป็นระเบิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน การประกอบระเบิดเหมือนกัน ดังนั้นต้องสืบสวนสอบสวนต่อไปเพื่อรอดูความก้าวหน้า ยังไม่ปักใจว่าคนโน้น คนนี้ หรือเป็นใคร เพราะมีหลายเรื่องด้วยกัน การดำเนินการเรื่องนี้ต้องเป็นมืออาชีพ และสามารถปลอมแปลงอะไรต่างๆได้มากมาย อีกทั้งต้องวางแผนมาชัดเจน เพราะมีเส้นทางเข้ามาและหลบหนีอย่างดี

กันต่างชาติเข้าร่วมสอบระเบิด

เมื่อถามว่า หมายถึงมีคนต่างชาติวางแผนด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่ามีชาวต่างชาติมาวางแผน หมายความว่า การปลอมแปลงสามารถทำได้หมด ส่วนองค์กรต่างชาติอาสาเข้ามา เราไม่ต้องการบุคคล เราต้องการแค่เครื่องมือต่างๆมีต่างชาติเสนอความช่วยเหลือ เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมัน อังกฤษ แต่ไม่ต้องการให้เขาเข้ามาร่วมสอบสวน เพราะเราต้องการทำเอง เมื่อถามว่า บุคคลจากกล้องวงจรปิดเป็นแค่ผู้ต้องสงสัยใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ภาพชัดเจนว่าเกิดจากตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ชื่ออะไร ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และได้ให้นโยบายกับกองบัญชาการติดตามสถานการณ์คสช.แล้วว่าต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก

บำเพ็ญกุศลเหยื่อระเบิดศุกร์นี้

วันเดียวกัน ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาล รับมอบเงินสมทบในกองทุนช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ จากตัวแทนของเครือข่ายมูลนิธิต่อต้านการคอร์รัปชัน 100,000 บาท และนางสุปราณี รัตนวงศ์ และครอบครัว ข้าราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ร่วมบริจาคสมทบอีก 5 หมื่นบาท โดย ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เปิดกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 รวมถึงประชาชนสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนด้วยตนเองได้ที่ทำเนียบรัฐบาลและวันที่ 21 ส.ค. เวลา 07.00 น. สำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐ เอกชน จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน บริเวณสี่แยกราชประสงค์ อุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิด และถือเป็นการทำบุญถวายแด่ศาลองค์ท้าวมหาพรหม โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธาน

มส.นำคณะสงฆ์สวดใหญ่ 24 ส.ค.

ขณะที่พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ที่ประชุม มส. มีมติให้คณะสงฆ์จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชน ผู้ประกอบการต่างๆ ที่อาศัยอยู่โดยรอบพื้นที่ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ โดยมีรองสมเด็จพระราชาคณะ 4 รูป ประกอบด้วย พระพรหมสิทธิ พระพรหมดิลก พระพรหมเสนาบดี และพระพรหมเมธี เป็นผู้นำคณะสงฆ์ 37 รูป และประชาชนสวดมนต์ พิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.39 น. ที่หน้า รร.อัมรินทร์พลาซ่า จากนั้นจะมีพิธีบังสุกุลที่บริเวณองค์ศาลพระพรหมต่อไป สำหรับการประกอบพิธีครั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เชิญผู้แทนภาครัฐ เอกชน รวมถึงคณะทูตานูทูตที่คนประเทศนั้นๆได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาร่วมพิธี ทั้งนี้ในนามของคณะสงฆ์ขอประณามผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้ เพราะถือเป็นผู้มีใจโหดร้าย ทำให้ผู้บริสุทธิ์ ต้องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมประกอบพิธีอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต และสร้างขวัญกำลังใจแก่ญาติผู้สูญเสีย และประชาชนทั่วประเทศ

โฆษก คสช.แถลงภาพรวม

ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.แถลงความคืบหน้าถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่า เจ้าหน้าที่และหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ประชาชนและดูแลพื้นที่สำคัญต่างๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนเหตุการณ์บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS นานาเมื่อวันที่ 19 ส.ค.เป็นเพียงเหตุก่อกวนหวังให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก ส่วนผู้เสียชีวิต 20 ราย ญาติมายื่นเอกสารหลักฐานแล้ว 16 ราย จ่ายเงินช่วยเหลือ 9 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมายื่นเอกสารแล้ว 70 รายและรับเงินช่วยเหลือแล้ว

ยันไม่เชื่อมโยงก่อการร้ายสากล

โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข แจ้งว่าผู้บาดเจ็บได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 56 ราย เหลืออยู่อีก 67 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต พิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว เหลือ 2 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้ผู้สงสัยว่าจะเป็นญาติ มาติดต่อโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการสืบสวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและสอบพยานบุคคลแวดล้อมทั้งผู้บาดเจ็บและผู้เห็นเหตุการณ์ เพื่อนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องสงสัยตามภาพข่าวทั่วไปแล้ว สรุปในชั้นต้นว่า เหตุดังกล่าวมีการดำเนินการอย่างเป็นขบวนการ หน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับความร่วมมือจากหน่วยข่าวมิตรประเทศ มีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันในชั้นต้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มการก่อการร้ายสากล และเห็นว่าเป้าหมายของการก่อเหตุ ไม่ได้มุ่งกระทำต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยตรง เนื่องจากมีบุคคลสัญชาติอื่นได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

เพิ่มความเข้ม ก.ม.คุมสื่อออนไลน์

พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า คสช.ขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ร่วมแสดงออกถึงความมีน้ำใจและการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เช่น การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ณ จุดเกิดเหตุ การช่วยเหลือของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง การร่วมบริจาคโลหิตให้โรงพยาบาลต่างๆ การให้กำลังใจและร่วมไว้อาลัยแก่ญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิต สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคนไทยและประเทศไทยไม่เคยปล่อยปละละเลยหรือทอดทิ้ง ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนชาติใดหรือศาสนาใด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสหรือมีข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ต้องสงสัยตามหมายจับ ให้แจ้งตำรวจได้ทันที และขอแจ้งให้ทราบว่าเจ้าหน้าที่จะเพิ่มระดับต่อการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่ผิดกฎหมาย และผู้ที่ออกมาสร้างเหตุก่อกวน จนทำให้สังคมสับสนหรือตื่นตระหนกอย่างจริงจัง

ในหลวง-ราชินีพระราชทานเงินช่วยเหยื่อบึม

ขณะเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักราชเลขาธิการ ได้แจ้งมายังรัฐบาลว่า พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 58 โดยพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บในส่วนที่ไม่สามารถเบิกตามสิทธิได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำศพผู้เสียชีวิตรายละ 90,000 บาท ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้องคมนตรีเชิญดอกไม้พระราชทานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ ไปมอบแก่ผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

เตือนระวังแชร์ข้อมูลบั่นทอนชาติ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ขอบคุณประชาชนที่ช่วยกันส่งข้อความให้กำลังใจกัน และส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทุกข้อความถือว่าช่วยให้เราผ่านช่วงสถานการณ์สูญเสียไปด้วยกัน แต่นายกฯแสดงความเป็นห่วงการส่งข้อความบางส่วนที่อาศัยสถานการณ์นี้แอบแฝงวัตถุประสงค์ทางการเมือง อาทิ ท้าทายโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ ตั้งข้อสงสัยเคลือบแคลงในแนวทางสืบสวนคดี หรือกล่าวร้ายให้เข้าใจไปว่าสถานการณ์รุนแรงกว่าความเป็นจริง ล้วนเป็นถ้อยคำที่บั่นทอน และไม่ควรเกิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองต้องการพลังใจและความจริงใจให้กัน ขอวอนให้การรับฟังหรือส่งต่อข้อมูลใด ดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ไม่กลายเป็นผู้ทำร้ายพลังใจของคนร่วมชาติ

รบ.แจง ยธ.แม่งานจ่ายเยียวยา

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ..... ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ สนช.ได้สอบถามการใช้งบประมาณจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่ารัฐบาลได้เตรียมการเรื่องเงินชดเชยไว้หลายด้าน ได้แก่ 1.การหาตัวผู้ก่อเหตุ 2.การวางมาตรการไม่ให้เหตุร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีก 3.การเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ 4.การประชาสัมพันธ์รณรงค์ เพื่อขอความร่วมมือจากคนไทยให้ร่วมมือกันชี้เบาะแส และหามาตรการป้องกัน 5.การสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนเงินเยียวยานั้น มีกฎระเบียบแยกเป็น 2 กรณี ทั้งการเยียวยาชาวต่างประเทศ และคนไทย เป็นงบที่ตั้งไว้สำหรับเยียวยาโดยเฉพาะ ขณะเดียวกันยังมีงบเยียวยาจากกระทรวงอื่นๆอีก อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม มีจำนวนมากพอสมควร โดยให้กระทรวงยุติธรรมเป็นแม่งาน

เร่งเยียวยาเหยื่อราชประสงค์

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ มีความคืบหน้าทุกวัน ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุเป็นไปได้ทุกทาง ทั้งก่อการร้าย การเมืองในประเทศ กรณีชาวอุยกูร์ รัฐบาลยังไม่ได้ตัดประเด็นใด ไม่อยากให้มองว่าเป็นการปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศ เพราะคนทำจ้องจะทำ แต่เจ้าหน้าที่ดูทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทยไม่ได้ แต่ให้มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเจ้าหน้าที่ก็ทำได้ แต่จะเกิดปัญหาในความไม่สะดวกของประชาชน รวมทั้งมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้ ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ กระทรวงยุติธรรมจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตไปแล้ว 8 ราย จาก 20 ราย ยังเหลืออีก 2 คนต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ ทั้งนี้ ได้เน้นเยียวยาผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องเร่งด่วน เน้นเยียวยาผู้เสียชีวิตก่อน

อุปทูตสหรัฐฯให้กำลังใจไทย

ที่กระทรวงมหาดไทย นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และหารือในประเด็นต่างๆ โดย พล.อ.อนุพงษ์เปิดเผยว่า รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ระเบิด และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขอประณามผู้ที่ก่อเหตุระเบิดรุนแรงที่แยกราชประสงค์ ทั้งนี้ เห็นคนไทยได้นำดอกไม้ไปวางที่จุดเกิดเหตุแล้ว ก็รู้สึกว่าอยากให้กำลังใจคนไทย ขอให้ประเทศไทยผ่านช่วงวิกฤตินี้ไป อุปทูตสหรัฐฯระบุว่า ได้หารือกับทางรัฐบาลสหรัฐฯในกรณีนี้แล้ว หากรัฐบาลไทยมีสิ่งใดที่จะให้ทางการสหรัฐฯในฐานะมิตรประเทศช่วยเหลือก็ยินดี

พท.ติ รบ.ด่วนชี้โยงการเมือง

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ คสช.ออกมาแถลงถึงเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากล แต่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ขัดแย้งกับรัฐบาล เป็นการชี้นำจะส่งผลกระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงอย่างมาก เท่ากับว่า คสช.กำล
ที่มา : ไทยรัฐ
Spread Widely / ข่าวอัพเดทปากต่อปาก / ตุ๊กตุ๊ก-จยย.แฉข้อมูลมือระเบิด สะกิดชี้บอกทางตลอด เสื้อแดงเสื้อขาวรอดตัว
เปิดอ่าน 1,127
อ่านแล้วชอบ กด Like อ่านแล้วใช่ กด Share
ดูเพิ่มเติม สายสดพยากรณ์
ข่าวอัพเดทปากต่อปาก
Copyright © 2008-2024 ThaiORC.com, by Phoenix Corporation, All rights reserved. Hosting by THAISITE.net